วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

ผลตรวจชี้! “คิม จองนัม” ถูกสังหารด้วยสารเคมีทำลายประสาท “วีเอ็กซ์”

ผลตรวจชี้! “คิม จองนัม” ถูกสังหารด้วยสารเคมีทำลายประสาท “วีเอ็กซ์”


ผลตรวจชี้! “คิม จองนัม” ถูกสังหารด้วยสารเคมีทำลายประสาท “วีเอ็กซ์”

สารเคมีที่ใช้ลอบสังหาร "คิม จองนัม"​ พี่ชายต่างมารดาของ "คิม จองอึน" ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ถูกระบุแล้วคือ สารเคมีทำลายประสาท
วันที่ 24 ก.พ. 60 — สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) เปิดเผยว่า สารเคมีที่ใช้ลอบสังหาร นายคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของ นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ถูกระบุแล้วคือ สารเคมีทำลายประสาท ที่มีชื่อว่า สารวีเอ็กซ์ เป็นของเหลวไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และมีความเป็นพิษมากกว่าชาริน อีกทั้งสหประชาชาติยังจัดให้สารพิษชนิดนี้เป็นอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงอีกด้วย โดยมีการตรวจพบสารวีเอ็กซ์บนใบหน้าของนายจองนัม แม้ว่าทางมาเลเซียจะไม่ได้กล่าวตรง ๆ ว่า เกาหลีเหนือเป็นผู้ลงมือสังหารนายจองนัม แต่ก็กล่าวว่า เกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการสังหารอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ นายจองนัมถูกลอบสังหารที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จากการที่มีหญิง 2 คน ป้ายสารพิษบนหน้าของเขา และตอนนี้ ร่างของนายจองนัมยังคงถูกเก็บอยู่ที่ห้องดับจิตของโรงพยาบาลในมาเลเซีย

วิธีกำจัดปลวก จากของธรรมชาติไร้สารเคมีปลอดภัย ด้วยใบขี้เหล็ก

วิธีกำจัดปลวก จากของธรรมชาติไร้สารเคมีปลอดภัย ด้วยใบขี้เหล็ก


ในใบขี้เหล็กมีสารกลุ่มโครโมน ซึ่งมีฤทธิ์คลายเครียดและช่วยให้นอนหลับ และกลุ่ม anthraquinones ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้ถ่ายหรือระบายท้อง เช่น แอนโทรน และไดแอนโทรน เมื่อนำมากำจัดปลวกได้ผลดีมาก ผลจากการทดลองนำใบขี้เหล็กมาตำคั้นเอาน้ำให้น้ำเขียวข้น เอาน้ำฉีดใส่ปลวก 20 ตัว ผลปรากฏว่าปลวกตายหมดภายใน 1 นาที
วิธีไล่ปลวก อีกหนึ่งวิธีนำใบขี้เหล็กมาผสมกับแป้งดินสอพอง ปั้นให้เป็นก้อน ผึ่งแดดให้แห้ง เวลาจะใช้ก็ทุบ ให้เป็นผงแล้วนำไปโรยบริเวณรังปลวก ติดตามดูผลการทดลอง 30 วัน ปรากฏว่าปลวกย้ายรังหนีไปที่อื่น แสดงว่าแป้งสมุนไพรจากใบขี้เหล็กสามารถไล่ปลวกให้ไปที่อื่น และไม่กลับมาทำรังที่เดิมอีก
ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีกำจัดปลวกด้วยธรรมชาติ  วิธีกำจัดปลวกที่คุณทุกคนจะต้องรู้เอาไว้ เผื่อฉุกเฉินเจอปลวก และปลอดภัยไร้สารพิษ

ข้อควรรู้ก่อนทาลิปสติก อันตรายแฝงจากสารเคมีที่พร้อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ข้อควรรู้ก่อนทาลิปสติก อันตรายแฝงจากสารเคมีที่พร้อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ


ลิปสติกที่จะขอกล่าวถึงสำหรับสาวๆ ในที่นี้คือลิปสติกที่ถูกเติมแต่งด้วยสีสันอันฉูดฉาด เน้นเติมเสน่ห์เรียวปากให้ดูดี ในปัจจุบันที่เครื่องสำอางชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นหนึ่งในตัวช่วยเสริมความมั่นใจให้สาวๆ ได้รู้สึกถึงความโดดเด่นของใบหน้า ทว่าในความงามนี้กลับกลายเป็นดาบสองคม เพราะบางยี่ห้อปนเปื้อนอยู่ด้วยสารเคมีอันตรายที่เรามองไม่เห็น แถมสารเคมีที่สัมผัสโดนริมฝีปากอันบอบบาง  หรือบางครั้งเผลอกลืนเข้าไปสะสมในร่างกายแบบไม่รู้ตัว อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวตามมาได้
ยิ่งสีสด ติดทนนาน ยิ่งเสี่ยงอันตราย!
ในยุคนี้เราจะเห็นว่ามีลิปสติกสีสันสดใสผลิตออกมามากขึ้น ยิ่งสีสดแค่ไหน ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น แถมบางยี่ห้อยังเคลมอีกด้วยว่าเป็นลิปสติกที่สามารถติดทนอยู่กับริมฝีปากได้นานตลอดวันไม่มีหลุดในการทาเพียงแค่ครั้งเดียว หารู้ไม่ว่ามันเต็มไปด้วยสารเคมีที่ไม่ควรสัมผัสถูกผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น สารกันบูดที่มักผสมอยู่ในเครื่องสำอางทั่วๆ ไป, พาราเบน, เมธอะคริเลท, สารตะกั่วปนเปื้อน และไตรโครซาน ฯลฯ
Advertisement
สารเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบฮอร์โมน เข้าไปรบกวนการทำงานของสมอง กล้ามเนื้อ และอัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้จากผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นถึงความน่าวิตกว่าสารเคมีมากมายจากลิปสติกที่เข้าไปสะสมในร่างกาย จะเป็นตัวการทำให้เชื้อโรคดื้อยาปฏิชีวนะตามมา ส่งผลให้การรักษาอาการยุ่งยากและรุนแรงมากขึ้น
เมธอะคริเลท ส่วนผสมต้องห้ามในลิปสติก
เมธอะคริเลทเป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก แต่มันกลับถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของลิปสติกที่มีสีฉูดฉาด ทำให้สีหลุดลอกได้ยาก สารชนิดนี้เมื่อร่างกายได้รับเข้าไปแล้ว จะส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ในระยะแรกจะแสดงอาการมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความถี่ในการทาของสาวๆ แต่ละคน ทั้งนี้อาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นสามารถพัฒนากลายเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเองที่เรารู้จักกันว่าโรค SLE ได้อีกด้วย เป็นตัวการส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแปรปรวน ไวต่อสิ่งแปลกปลอมมากเกินปกติ เกิดภาวะอักเสบตามผิวหนัง หากไม่รีบทำการรักษาจะยิ่งลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของอวัยวะได้
ทางที่ดีสาวๆ ควรหลีกเลี่ยงการทาลิปสติกสีเข้ม และหันมาทาลิปมันที่ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่นเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงจากสารเคมีอันตรายที่ปนเปื้อนมาพร้อมกับเม็ดสี หรืออาจจะเลือกเป็นลิปสติกสีอ่อนที่มีคุณภาพมาใช้ทดแทน เพียงเท่านี้ก็ทำให้เรียวปากของสาวๆ ดูสวยอวบอิ่มได้ไม่แพ้กันอย่างแน่นอนค่ะ

5 สารเคมีในบ้านที่เราควรหลีกเลี่ยง

5 สารเคมีในบ้านที่เราควรหลีกเลี่ยง


Thomas Zoeller ผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งแมซซาชูเสท บอกว่า แม้เราจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า สารเคมีต่าง ๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันไปขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธว่าสารเคมีส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย
มีรายงานด้วยว่า ทุกวันนี้มีสารเคมีราว ๆ 80,000 ชนิด ที่ถูกนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กับอยู่ในชีวิตประจำวัน และสารเคมีประมาณ 1,300 ชนิด ก็ถูกพิจารณาว่าขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ และสารเคมี 12 ชนิดต่อไปนี้ นับว่าเลวร้ายมากที่สุด ซึ่งเราควรจะต้องหลีกเลี่ยง
1.Bisphenol A หรือ BPAเป็นสารที่พบในบรรจุภัณฑ์พลาสติก ในปี 1930 มีการใช้เพื่อสังเคราะห์เอสโตรเจนให้กับผู้หญิง ดังนั้นแน่นอนว่า สารเคมีดังกล่าวมีผลต่อฮอร์โมน มีการศึกษาพบว่า มันทำหน้าที่เหมือนเอสโตรเจน ทำให้การผลิตเสปิร์มของผู้ชายลดลง ทำให้เด็กหญิงแตกวัยสาวเร็วกว่ากำหนด และยังส่งผลกระทบต่อภาวะการเจริญภัณฑ์ของทั้งชายและหญิง ในสัตว์ก็มีการศึกษาพบว่า สารเคมีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการแท้งลูก นอกจากนั้น สาร BPA นี้ ยังรบกวนระบบการเผาผลาญอาหารและมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคเบาหวาน เราพบสาร BPA ในอาหารกระป๋อง ผลิตภัณฑ์พลาสติก สารเคลือบใบเสร็จ ซึ่งเราสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการลดการรับประทานอาหารกระป๋อง เลือกหาอาหารสดมาทำรับประทานเอง หลีกเลี่ยงการใช้ขวดหรือภาชนะพลาสติก และหากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องรับใบเสร็จ เมื่อเวลาช้อปปิ้ง
2.Dioxins หรือไดอ๊อกซิน เป็นสารประกอบทางเคมีที่เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง และยังเป็นสารเคมี ที่มีผลกระทบต่อฮอร์โมน ลดภาวะการเจริญพันธุ์ ทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคเยื่อบุโพรงมดลูก มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน ลดระดับฮอร์โมนเทสทอสเทอร์โรน ก่อให้เกิดการแท้ง ลดปริมาณและคุณภาพของฮอร์โมน สารเคมีนี้เกิดจากการเผาขยะในปริมาณมาก และปนเข้าไปอยู่ในกระดาษ เยื่อไม้ อากาศ และน้ำ จากนั้นก็ไปก่อตัวอยู่นำไขมันของสัตว์ ซึ่งเป็นอาหารของเรา การที่จะลดปริมาณการรับสารพิษนี้ก็คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมัน และนมเนยให้น้อยลง
3.Atrazine หรืออาทราซิน สารชนิดนี้ เคยมีการวิจัยพบว่ามีผลกระทบต่อฮอร์โมนของปลาและกบ โดยทำให้ปลา และกบเพศผู้ มีความเป็นเพศเมีย ส่วนการวิจัยในมนุษย์พบว่าสารดังกล่าว ไปเพิ่มการทำงานของยีนที่เกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ สารชนิดนี้นำมาใช้กันมากในการกำจัดศัตรูพืช โดยมากจะนำมาใช้กับข้าวโพด วิธีการหลีกเลี่ยงสารพวกนี้ก็คือ การเลือกบริโภคผัก ผลไม้ จากฟาร์มออร์แกนิค และลดปริมาณการรับประทานเนื้อ เพราะสารดังกล่าวปนเปื้อนอยู่ในข้าวโพด และข้าวโพดก็เป็นอาหารหลัก ๆ ที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์
4.Phthalates หรือพาทาเล็ท สารนี้เคยมีการนำมาศึกษา และพบว่า เด็กชายที่เกิดจากมารดาที่มีระดับสารพาทาเล็ทมาก มีความผิดปกติที่อวัยวะเพศ สารเคมีดังกล่าวไปรบกวนฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้มีการพัฒนาของหน้าอก นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม ก็มีระดับสารชนิดนี้สูงกว่าหญิงที่ไม่เป็นมะเร็ง สารพาทาเล็ท เป็นสารที่เราพบได้มากมายในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ ทั้งพื้นบ้าน ม่านห้องน้ำ หนังสังเคราะห์ และผลิตภัณฑ์พวก PVC ไวนิล สารพาทาเล็ท ทำให้พลาสติกมีความยืดหยุ่น นอกจากนั้น ยังเป็นสารที่นำไปใช้ในผลิตภัณฑ์จำพวกสี เช่น ยาทาเล็บ สี น้ำยาเคลือบเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งยังพบสารพวกนี้ ในบรรจุภัณฑ์อาหารเป็นจำนวนมากด้วย วิธีการหลีกเลี่ยงก็คือการไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ไวนิล และเก็บอาหารไว้ในภาชนะแก้ว หรือสแตนเลสสตีล
5.Perchlorate หรือพอร์เชอเรต เป็นสารที่รบกวนการทำงานของไทรอยด์ ส่งผลต่อฮอร์โมน และการเผาผลาญอาหารของร่างกาย สารเคมีชนิดนี้ เป็นส่วนประกอบของเชื้อเพลิงจรวด ขีปนาวุธ ดอกไม้ไฟ รวมทั้งแบตเตอรี่ สารชนิดนี้ จะปนเปื้อนอยู่ในดิน และน้ำใต้ดิน และไม่มีใครทราบว่า เมื่อไหร่ที่สารเคมีนี้จะสลายตัวไป สารนี้สามารถปนเปื้อนในอาหาร เช่นไข่ นมเนย ผลไม้ และผัก การหลีกเลี่ยงก็คือ การเลือกหาอาหารจากแหล่งที่ปลอดภัยมารับประทาน


โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ชี้แจง เหตุสารเคมีรั่วไหลไม่ใช่ “ไซยาไนด์”

การไฟฟ้าแม่เมาะแจงเหตุสารเคมีรั่วไหล คือ กรดไฮโดรคลอริก  เมื่อถูกน้ำจะเกิดเป็นไอมีกลิ่นฉุน ตามมาตรการด้านความปลอดภัย จึงให้พนักงานที่ปฏิบัติงานออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย
โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ชี้แจง เหตุสารเคมีรั่วไหลไม่ใช่ “ไซยาไนด์”
นายศานิต นิยมาคม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์การ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชี้แจงถึงกรณีที่ช่วงเช้าวันที่ 6 พฤษภาคม มีกระแสข่าวว่า เกิดเหตุสารไซยาไนด์รั่วภายในบริเวณสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 4-7 และมีการอพยพคนงานออกจากพื้นที่ดังกล่าว โดยกฟผ. ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า สารเคมีดังกล่าวไม่ใช่สารไซยาไนด์
ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุสารเคมีที่ใช้ปรับสภาพน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้ามีการรั่วซึม ได้ดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยเร่งด่วนจนสถานการณ์คลี่คลายกลับเข้าสู่สภาวะปกติเรียบร้อย เจ้าหน้าที่และคนงานกลับเข้าไปปฏิบัติงานได้ตามปกติ พร้อมยืนยันว่าไม่มีผู้ได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 (MMRP1) พบเหตุ “กรดไฮโดรคลอริค (HCL) หรือ กรดเกลือ” รั่วไหลในปริมาณเล็กน้อยระหว่างการทดสอบระบบ จึงได้ให้คนงานที่อยู่ในรัศมี 10 เมตร ออกไปอยู่ที่จุดรวมพล เพื่อความปลอดภัย และเป็นการปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย ระดับที่ 1
กรดไฮโดรคลอริค (HCL) หรือ กรดเกลือ เป็นสารเคมีที่มีไว้ใช้สำหรับปรับสภาพน้ำที่ใช้ในโรงไฟฟ้า เพื่อให้ได้น้ำที่มีคุณภาพก่อนน้ำไปใช้ในระบบ

ระทึก! สารเคมีรั่วกรุงเทพกรีฑา-เร่งตรวจสอบ

ระทึก! สารเคมีรั่วกรุงเทพกรีฑา-เร่งตรวจสอบ


ระทึก! สารเคมีรั่วกรุงเทพกรีฑา-เร่งตรวจสอบ
เกิดเหตุระทึก! สารเคมีไม่ทราบชนิด รั่วไหล บริเวณ ซอยกรุงเทพกรีฑา 35 เจ้าหน้าเร่งตรวจสอบ
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุพบสารเคมีถูกทิ้งลงแหล่งน้ำ บริเวณหน้า บริษัท คอมฟอร์ม จำกัด ตรงข้ามซอยกรุงเทพกรีฑา 35 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สำนักอนามัย เจ้าหน้าที่เขตสะพานสูง ดับเพลิงหัวหมาก และห้วยขวางรุดที่เกิดเหตุ พร้อมนำเครื่องตรวจวัดสารเคมีเพื่อตรวจสอบ
พบเป็นสารเคมีรั่วไหลออกมากจากบริษัท คอมฟอร์ม จำกัด ลงไปที่บริเวณบ่อระบายน้ำด้านหน้าบริษัทจำนวน 3 บ่อ ทำให้น้ำในบ่อที่ 1 และบ่อที่ 2 ลักษณะของน้ำเป็นสีชมพู และบ่อที่ 3 ลักษณะเป็นสีดำมีคราบน้ำมันปะปน
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบชนิดของสารเคมีดังกล่าว และป้องกันสารเคมีรั่วไหลลงสู่คลองสาธารณะ ทั้งนี้ ได้มีการกั้นบริเวณโดยรอบเพื่อป้องกันเหตุและห้ามประชาชนเข้าใกล้ในพื้นที่

วิธีกำจัดแมลงหวี่แบบง่าย ๆ ไม่พึ่งสารเคมี

วิธีกำจัดแมลงหวี่แบบง่าย ๆ ไม่พึ่งสารเคมี


วิธีกำจัดแมลงหวี่แบบง่าย ๆ ไม่พึ่งสารเคมี
ถ้าเพื่อนเจอปัญหาแมลงหวี่รบกวนเหมือนที่กล่าวมา วันนี้เรานำวิธีไล่แมลงหวี่มาแนะนำ เป็นวิธีง่ายๆ เกี่ยวกับการกำจัดแมลงหวี่ หรือไล่แมลงหวี่โดยไม่ใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง ป้องกันสารตกค้าง
  • กำจัดแมลงหวี่ด้วยเชือกงานนี้เราใช้เชือกสีขาวๆ เท่านั้น นำมาผูกกับราว หรือ ตามยาวลงมา แมลงหวี่จะบินไปเกาะ ไม่มาตัวเดียวด้วย ชวนกันมา จากนั้นก็นำน้ำมันเครื่อง น้ำมันก๊าซ หรือ น้ำมัน พืช น้ำมันหมู มาใส่ภาชนะ แล้วมาเคลือบที่เชือกเพื่อจับแมลงหวี่ มันจะติดบินไปใหนไม่ได้แล้ว
  • ควันกาบมะพร้าว กับ เครือกระทกรกแมลงหวี่ไม่ชอบกลิ่นกาบมะพร้าว กับเครือกระทกรกที่ตากแห้งแล้วเอามามัดจุดไฟให้เกิดควัน จะหนีไปไม่กลับมาอีก
  • กำจัดแมลงหวี่โดยใช้ใบหางนกยูงไล่แมลงหวี่แบบธรรมชาติ เพียงนำก้านของใบหางนกยูงมาใส่ไว้บนแจกันบนโต๊ะทำงาน หรือตรงที่มารบกวน แมลงหวี่นั้นไม่ชอบกลิ่นของใบหางนกยูง
  • กำจัดแมลงหวี่ด้วยดอกดาวเรือง ให้เด็ดดอกดาวเรืองมาแช่ในน้ำ ทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นก็เอาน้ำที่ได้มารดบริเวณที่มีแมลงหวี่ รับรองได้ว่าเพียงไม่กี่วันแมลงหวี่จะหนีหายไปจากที่นั่น พร้อมกำจัดทั้งไข่ของแมลงหวี่

ชาวบ้านร้อง กลิ่นสารเคมีลอยทั่วหมู่บ้าน จนท.พบขยะพิษกว่า 1,000 ตัน

ชาวบ้านร้อง กลิ่นสารเคมีลอยทั่วหมู่บ้าน จนท.พบขยะพิษกว่า 1,000 ตัน

ชาวบ้านร้อง กลิ่นสารเคมีลอยทั่วหมู่บ้าน  จนท.พบขยะพิษกว่า 1,000 ตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรณภพ เวียงสิมมา นายอำเภอเมืองราชบุรี พร้อมกับ พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผู้กำกับการ สภ.เมืองราชบุรี และ นายจำนง จันทรวงศ์ ปลัดอำเภอเมืองราชบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ราชบุรี เข้าตรวจสอบบริษัท มิราเคิล เลเธอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 159 หมู่ 9 ต.ห้วยไผ่ อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า โรงงานของบริษัทดังกล่าว ได้มีกลิ่นโชยออกมาจากโรงงานเหม็นไปทั่วบริเวณ อีกทั้งยังมีแรงงานต่างด้าวมาทำงานอยู่ด้วย
จากการตรวจสอบ พบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก กำลังทำงานอยู่ภายในโรงงาน จึงได้เข้าควบคุมตัวไว้ แต่มีบางส่วนหลบหนีไปได้ โดยสามารถควบคุมตัวมาสอบสวน จำนวน 43 คน แบ่งเป็นแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 32 คน โดยทั้งหมดไม่มีบัตรมาแสดงตัวตน อ้างว่าบัตรอยู่ที่นายจ้าง และยังพบแรงงานชาวจีนอีก 11 คน ซึ่งทั้งหมดอ้างว่ามีบัตรพาสปอร์ต เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาดูกระบวนการทำงานของบริษัท เพื่อจะนำไปปรับใช้กับระบบอุตสาหกรรมในประเทศของตนเอง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวแรงงานทั้งหมดตรวจสอบว่า มีการเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
นอกจากนี้ ยังพบว่าภายในโรงงานมีเครื่องจักรกล มีสายพานลำเลียงขยะอิเล็กทรอนิกส์มารีไซเคิล ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ พลาสติก และแผงไฟ ที่มีการคัดแยกแล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างการเตรียมคัดแยกที่กองไว้และที่บรรจุในถุงรวมแล้วมากกว่าหนึ่งพันตัน โดยบางส่วนถูกนำมาบดอัด และทำเป็นเม็ดพลาสติก
โดย นายอารยะ เนตรวงษ์ หัวหน้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ราชบุรี เผยว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมาได้เข้ามาทำการตรวจสอบที่โรงงานแห่งนี้แล้ว ซึ่งเดิมเคยมีการขออนุญาตประกอบกิจการฟอกหนัง ทำหนังเทียม และมีการคัดแยกขยะ แต่ตรวจสอบก็พบว่ามีการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทำการรีไซเคิล ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน ซึ่งประกอบกิจการผิดประเภท และจะต้องทำการตรวจสอบเรื่องของการนำเข้ามาว่าถูกต้องหรือไม่ และมีจำนวนเท่าไหร่
ล่าสุด ได้มีคำสั่งให้หยุดดำเนินการไปแล้ว แต่มาวันนี้พบว่ายังมีการทำงานอยู่ ก็จะต้องดำเนินคดีต่อไปอีก เพราะฝ่าฝืนคำสั่ง ส่วนขยะพลาสติกที่พบนั้น กำลังให้ทางเจ้าของโรงงานนำเอกสารมาแสดง เบื้องต้น ยังไม่พบใบอนุญาตในการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา และประกอบกิจการในส่วนของการบดอัดเม็ดพลาสติกโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงจะต้องแจ้งดำเนินคดีเพิ่มอีก
ที่มา:https://www.sanook.com/news/6915082/

4 อาชีพเสี่ยง "โรคผิวหนังจากสารเคมี"

4 อาชีพเสี่ยง "โรคผิวหนังจากสารเคมี"


4 อาชีพเสี่ยง "โรคผิวหนังจากสารเคมี"

โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์ เผยผู้ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และอาชีพเกษตรกรเสี่ยงโรคผิวหนังที่เกิดจากสารเคมี แนะสวมอุปกรณ์ป้องกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัส หากมีอาการระคายเคือง หรือผดผื่นให้รีบไปพบแพทย์

 โรคผิวหนัง จากสารเคมี

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคผิวหนังที่เกิดจากสารเคมี เป็นโรคที่พบบ่อยมากในกลุ่มผู้ที่ทำงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และอาชีพเกษตรกรรม เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้วัสดุและสารเคมีที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังอย่างแพร่หลาย มีการใช้งานที่ไม่เหมาะสม หรือหากสัมผัสถูกผิวหนังโดยตรงโดยไม่มีเครื่องป้องกัน จะทำให้เกิดการระคายเคืองเกิดผื่นคันภูมิแพ้ที่ผิวหนัง และอาจเป็นโรคผิวหนังได้

อาชีพเสี่ยงโรคผิวหนังจากสารเคมี

อาชีพที่มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังจากสารเคมีได้แก่
  1. คนงานก่อสร้างที่ผสมปูนซีเมนต์
  2. คนงานในโรงงานที่เกี่ยวข้องกับโลหะ เครื่องหนัง ยางสีย้อมผ้า กาวพลาสติก เส้นใยแก้ว สีพ่น รวมทั้งน้ำมันเบนซิน และน้ำมันเครื่อง
  3. คนที่ต้องทำงานสัมผัสกับอุปกรณ์ที่ทำจากโลหะชุบนิกเกิล งานอุตสาหกรรมทำเครื่องหนัง ดอกไม้พลาสติก
  4. เกษตรกรที่ต้องใช้ปุ๋ยสารกำจัดแมลงศัตรูพืช

วิธีป้องกันโรคผิวหนังจากสารเคมี

ผู้ที่ประกอบอาชีพดังกล่าวข้างต้นควรดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นภูมิแพ้ควรระวังเป็นพิเศษ โดยสวมอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีก่อนเริ่มปฏิบัติงาน เช่น สวมถุงมือที่ทำจากวัสดุพีวีซีหรือยาง ใช้ผ้ากันเปื้อน หรือสวมชุดป้องกัน เป็นต้นโดยเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับงาน หากมีอาการแพ้หรือมีผื่นคันขึ้นตามผิวหนังให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป
นายแพทย์สมบูรณ์  ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากโรคผิวหนังทำให้เกิดการระคายเคือง ผื่นคัน และมักเป็นๆ หายๆ เกิดปัญหาทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ดังนั้นแนวทางการป้องกันโรคผิวหนังที่เกิดจากสารเคมี ได้แก่ หยุดสัมผัสสิ่งที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือภูมิแพ้โดยเลือกใช้สารที่อันตรายน้อยกว่าหรือปรับปรุงวิธีการทำงานให้มีโอกาสสัมผัสกับสารต่างๆให้น้อยที่สุด หมั่นทำความสะอาดพื้นบริเวณที่ทำงานเป็นประจำ และใช้ครีมทามือเพื่อป้องกันสารระคายเคือง ช่วยให้ทำความสะอาดมือง่ายขึ้น หรือใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทาผิวช่วยลดความห้งตึงของผิวได้ หากมีบาดแผลต้องรีบทำความสะอาด  และปิดแผลด้วยผ้าปิดแผลที่สะอาด

สำรวจรายได้บริษัทนำเข้าสารเคมี หลังลือ “อ.ยักษ์” ถูกเด้งเซ่นต้าน 3 สารพิษ

สำรวจรายได้บริษัทนำเข้าสารเคมี หลังลือ “อ.ยักษ์” ถูกเด้งเซ่นต้าน 3 สารพิษ


สำรวจรายได้บริษัทนำเข้าสารเคมี หลังลือ “อ.ยักษ์” ถูกเด้งเซ่นต้าน 3 สารพิษ
จากกรณีที่มีกระแสข่าวเด้ง นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ อ.ยักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังเปิดศึกต้านการใช้สารเคมีอันตราย 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต, ควอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต นั้น
ล่าสุดได้รับการยืนยันจากนายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ไม่เป็นความจริงพร้อมยืนยันว่า อ.ยักษ์ ยังทำงานตามปกติ
ก่อนหน้านี้ อ.ยักษ์ ได้ลั่นวาจาว่า “ผมทำงานเดิมพันด้วยชีวิต ไม่ใช่ด้วยตำแหน่ง แผ่นดินต้องไร้สารพิษในพื้นที่เกษตรกร 4-5 ล้านไร่ กำหนดไว้ 5 ปีสิ้นสุดปี 2564” ซึ่งหากดูประวัติของ อ.ยักษ์ จะพบว่าเคยเป็นอดีตข้าราชการที่ผันตัวไปทำเกษตรอินทรีย์ตามศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นเอง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าอุดมการณ์ของ อ.ยักษ์ ที่จะผลักดันให้เกษตรกรไทยทั่วประเทศหันมาทำเกษตรอินทรีย์นั้นมีมากขนาดไหน
แน่นอนการประกาศยกเลิกใช้สารเคมีภัณฑ์เหล่านี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตและผู้นำเข้าอย่างแน่นอน ซึ่ง Sanook! Money ได้รวบรวมบริษัทผู้นำเข้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ทางด้านเกษตรรายใหญ่ที่มีขนาดใกล้เคียงมาส่อง เพื่อดูรายได้-กำไรกัน
บริษัท เจียไต๋ จำกัด (เครือ CP) แจ้งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2526 โดยมีนายจรัญ เจียรวนนท์, นายมนตรี เจียรวนนท์, นายธนินท์ เจียรวนนท์, นายวัลลภ เจียรวนนท์ และนายมิน เธียรวนนท์ เป็นคณะกรรมการ ดำเนินธุรกิจขายส่งปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้
ปี 2558 รายได้ 18,190 ล้านบาท กำไร 1,052 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 17,456 ล้านบาท กำไร 1,249 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 16,856 ล้านบาท กำไร 1,175 ล้านบาท
บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด แจ้งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2519 โดยมีนายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย, นายเคเรียล ริชาร์ด ทอร์นทันฐ นายเดชา พาณิชยพิเชฐ ,นายวิชชา สิมศิริ และนางศันสนี ไทยอารี เป็นคณะกรรมการ ดำเนินธุรกิจผลิตเคมีภัณฑ์อนินทรีย์ขั้นมูลฐานอื่นๆ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 7,396 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้
ปี 2558 รายได้ 29,542 ล้านบาท กำไร 216 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 29,451 ล้านบาท ขาดทุน 1,658 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 31,517 ล้านบาท ขาดทุน 2,556 ล้านบาท
บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด (เข้าซื้อ บริษัท มอนซานโต้ ไทยแลนด์ จำกัด บริษัทที่เกษตรกรคุ้นเคยกันดี) แจ้งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2505 โดยมีนายยิม พูน วาห์, นายไซ่ม่อน ทอร์สเทน วีบุช, นายริอาซ อลัม บัคช , นายเจมส์ แพทริค เคนเนลลีย์ และนางภารณี อดุลยพิเชฏฐ์ ดำเนินธุรกิจผลิตเคมีภัณฑ์อนินทรีย์ขั้นมูลฐานอื่นๆ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 465 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้
ปี 2558 รายได้ 24,043 ล้านบาท กำไร 1,990 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 7,370 ล้านบาท กำไร 253 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 8,195 ล้านบาท กำไร 185 ล้านบาท
ซึ่งการประกาศยกเลิกใช้สารเคมี เป็นการลดทอนกำไรจากการค้าสารเคมีของบริษัทยักษ์ใหญ่และบริษัทอื่นๆที่มียอดขายรวมกัน 70,000 – 80,000 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว หลังจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่าทั้งบริษัทนายทุนที่นำเข้าเคมีภัณฑ์กับหน่วยงานรัฐจะหาจุดกึ่งกลางร่วมกันได้หรือไม่ หรือเราจะได้เห็นการเชือดเฉือนกันอย่างเข้มข้นที่อาจจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมถอยออกไป

เครือข่ายคนอินทรีย์ฯ จุดธูปสาปแช่ง ร้องรัฐบาลแบนสารเคมีอันตราย 3 ชนิดคือ พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโซเฟตอย่างไม่มีเงื่อนไข

เครือข่ายคนอินทรีย์ฯ จุดธูปสาปแช่ง ร้องรัฐบาลแบนสารเคมีอันตราย 3 ชนิดคือ พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโซเฟตอย่างไม่มีเงื่อนไข #2
วันนี้(19 มิ.ย. 61) ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ นายอำนาจ เกตุขาว แกนนำเครือข่ายคนอินทรีย์วิถีเมืองลุงและภาคีเครือข่ายร่วมเดินเท้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชวัตถุอันตราย 3 ชนิดคือ พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโซเฟตอย่างไม่มีเงื่อนไข หลังจากปักหลักชุมนุมอยู่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 2561 โดยระหว่างการเดินเท้ากลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยการนำเชือกมาแขวนคอ พร้อมจุดธูปทำพิธีสาปแช่งหน่วยงานที่อนุญาตนำให้ใช้สารดังกล่าว
โดยเสนอ 3 ข้อที่เรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีดังนี้
1. ขอให้นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายดำเนินการตามมติ 5 กระทรวงหลักและมิติกระทรวงสาธารณสุข เมื่อ 15 ก.พ. 2561 แบนพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ภายในเดือน ธ.ค. 2562 และมีแนวทางชัดเจนในการจำกัดการใช้ไกลโฟเซตอย่างเข้มงวด โดยไม่ใช้ในพื้นที่ต้นน้ำและพื้นที่ผลิตอาหาร2. ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการณรงค์ให้ประชาชนรับทราบถึงพิษภัยของสารเคมีในระบบการผลิตอาหารดังกล่าวอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
3. ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการโดยทันทีไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการศึกษาตามที่ รมว.กษ. เสนอ เพราะการตั้งกรรมการเป็นเพียงเกมการถ่วงเวลาที่คนทั้งประเทศรับรู้ มิต้องพูดถึงกรรมการที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบรรษัทสารเคมี ซึ่งมีมติไม่แบนสารเคมีไปแล้ว เมื่อ 23 พ.ค. 2561 การตั้งกรรมการจึงเป็นเกมเพื่อประโยชน์ของบริษัทเท่านั้น ยังไม่นับรวมว่ามีมติ 5 กระทรวงออกมาแล้ว ซึ่งฐานะและความศักดิ์สิทธิ์เหนือกรรมการที่ รมว.กษ.เสนอตั้งมา

หนุ่มคลั่ง บุกทุบห้องสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลบางแสนพังเละ สารเคมีเกลื่อนห้อง หวิดดับคาสารเคมี

หนุ่มคลั่ง บุกทุบห้องสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลบางแสนพังเละ สารเคมีเกลื่อนห้อง หวิดดับคาสารเคมี #1
วานนี้(31 มี.ค.) เฟซบุ๊กเพจ SV News ข่าวบางแสน ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก รปภ.ว่ามีคนคลุ้มคลั่งบุกเข้ามาภายในสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลบางแสนและทุบกระจกแตกหลายจุด เจ้าหน้าที่จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมกับ รปภ. พบชายอายุประมาณ 25 ปีอยู่ในอาการคล้ายคนเมายา
โดยเจ้าหน้าที่ รปภ.พยายามเข้าไปใกล้หนุ่มคนดังกล่าวก็มีอาการตื่นตกใจและวิ่งหนีเข้าไปภายในห้อง จุลชีว ซึ่งเป็นห้องสารเคมีและห้องเก็บตัวอย่างสัตว์ทะเลและพืชชนิดต่างๆ รวมถึงมีอุปกรณ์ต่างๆเครื่องตรวจสภาพน้ำและอื่นๆ ซึ่งบางอย่างมีราคาแพงเพราะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยชายคนดังกล่าวทุบกระจกและเข้าไปภายในห้องและทุบทำลายข้าวของทุกอย่างจนพังเละ ส่วนชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บถูกกระจกบาดที่มือจนเลือดไหลนองเต็มห้อง
เจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปควบคุมตัวแต่เข้าไปไม่ได้ เนื่องจากห้องดังกล่าวเป็นห้องเก็บสารเคมีซึ่งมีกลิ่นแรงมากไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ชายคนดังกล่าวนอนนิ่งอยู่ข้างในห้องเกรงจะเสียชีวิต เพราะสารเคมีมีกลิ่นแรงมาก รปภ.จึงจะพยายามเข้าไปช่วย จนกระทั่งชายคนดังกล่าวพยายามเดินออกมาและนอนอยู่หน้าห้อง หัวหน้า รปภ.จึงพยายามเข้าไปเกลี้ยกล่อมจนกระทั่งชายคนดังกล่าวยอมออกมาจากห้อง ชายคนดังกล่าวมีอาการพูดจาไม่รู้เรื่อง มีบาดแผลที่แขนและมือ จากการสอบถามทราบว่าชื่อนายพิทักษ์ อายุ 26 ปี เป็นคนจังหวัดหรองบัวลำภู มาทำงานก่อสร้าง รปภ.จึงรีบนำตัวส่ง โรงพยาบาล ม.บูรพาต่อไป

ผลตรวจชี้! “คิม จองนัม” ถูกสังหารด้วยสารเคมีทำลายประสาท “วีเอ็กซ์”

ผลตรวจชี้! “คิม จองนัม” ถูกสังหารด้วยสารเคมีทำลายประสาท “วีเอ็กซ์” สารเคมีที่ใช้ลอบสังหาร " คิม จองนัม "​ พี่ชายต่างมารด...